โรเบิร์ต โอเวน บิดาแห่งสหกรณ์
ชาญณรงค์ บัวแย้มแสง โรงเรียนโยธินบูรณะ
เรียบเรียง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4
ระบบสหกรณ์และเศรษฐกิจในชุมชน
เรื่องที่ 1 ความหมาย ความสำคัญและหลักการของสหกรณ์
1.1 ความหมายของสหกรณ์
สหกรณ์ มีรากศัพท์เดิมมาจากภาษาสันสกฤต 2 คำ คือคำว่า “สห” (แปลว่าร่วมกัน) และ “กรณ์” (แปลว่า การกระทำ) คำว่าสหกรณ์จึงแปลตามรากศัพท์เดิมว่า การกระทำร่วมกัน หรือการร่วมมือกัน
พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ พระบิดาแห่งสหกรณ์ไทย ได้ประธานคำแปลว่า สหกรณ์เป็นวิธีจัดการรูปแบบหนึ่งซึ่งบุคคลหลายคนเข้าร่วมกันโดยความสมัครใจของตนเองในฐานะที่เป็นมนุษย์โดยความมีสิทธิเสมอหน้ากันหมด เพื่อความบำรุงตนเองให้เกิดความเจริญทางทรัพย์
พระราชบัญญัติสหกรณ์ พุทธศักราช 2542 มาตรา 4 บัญญัติไว้ว่า สหกรณ์ หมายความว่า คณะบุคคลซึ่งร่วมกันดำเนินกิจการเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคม โดยช่วยตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกันและได้จดทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้
สรุปสหกรณ์ หมายถึง การรวมกลุ่มกันของประชาชน เพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม โดยยึดหลักประชาธิปไตย ไม่มุ่งหวังหาผลกำไรและมีการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างยุติธรรม
1.2 ความสำคัญของสหกรณ์
[1]สหกรณ์มีความสำคัญต่อชุมชน ประเทศชาติและสังคมโลก คือ สหกรณ์สามารถช่วยแก้ปัญหาความยากจน ขัดเกลาให้สมาชิกเป็นคนดี มีศีลธรรมและการเสียสละเพื่อส่วนรวม ความสำคัญของสหกรณ์สามารถจำแนกเป็นด้านดังนี้
- ด้านเศรษฐกิจ มีบทบาทในการส่งเสริมอาชีพ ทำให้คนในชุมชนมีงานทำมีรายได้ ส่งเสริมการออมทรัพย์ ให้กู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เกิดการขยายธุรกิจการค้า เป็นต้น
- ด้านสังคม มีบทบาทในการพัฒนาชุมชน สังคมและประเทศชาติให้เข้าแข็ง ช่วยเหลือผู้อ่อนแอ ยากไร้ให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้ สร้างสวัสดิภาพสังคมและบริการสาธารณะให้กับชุมชน เป็นต้น
- ด้านศีลธรรม มีบทบาทในการส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรม ให้สมาชิกรู้จักช่วยเหลือ แบ่งปันกัน แบ่งผลตอบแทนกันอย่างยุติธรรม เป็นต้น
- ด้านการปกรอง มีบทบาทในการส่งการปกครองระบอบประชาธิปไตย เพราะหลักการดำเนินกิจการของสหกรณ์ยึดหลักประชาธิปไตย
- ด้านการศึกษา มีบทบาทในการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทักษะทางวิชาชีพ จัดอบรมให้ความรู้ด้านต่าง ๆ
1.3 หลักการของสหกรณ์
ตามหลักของสหกรณ์รอชเดล เป็นต้นแบบ คือ
- การเปิดรับสมาชิกทั่วไปด้วยความสมัครใจ
- การควบคุมตามหลักประชาธิปไตยและดำเนินการเป็นอิสระ
- การจำกัดดอกเบี้ยทุนเรือนหุ้นโดยกำหนดอัตราจ่ายเงินปันผลค่าหุ้นหรือทุนเรือหุ้นไว้ในอัตราต่ำ
- การแบ่งเงินปันผลตามส่วนแบ่งธุรกิจที่ทำกับสหกรณ์และการจัดสรรส่วนเกินหรือกำไรเพื่อการพัฒนาสหกรณ์และจัดบริการเพื่อส่วนรวม
- การค้าด้วยเงินสดและจำหน่ายสินค้าในราคาตลาด
- การส่งเสริมการศึกษาทางสหกรณ์
- การเป็นกลางทางศาสนาและการเมือง
เรื่องที่ 2 วิวัฒนาการและประเภทของสหกรณ์ในประเทศไทย
2.1 วิวัฒนาการของสหกรณ์
[2]การปฏิวัติอุตสาหกรรมของอังกฤษในคริสต์ศตวรรษที่ 18 – 19 ได้มีการนำเครื่องจักรมาทำงานแทนคน จนทำให้เกิดภาวะการว่างงานและเศรษฐกิจตกต่ำในประเทศอังกฤษ เกิดความเดือดร้อนอย่างมากจากการที่คนงานถูกปลดออกจากงานและผู้ประกอบการรายย่อยต้องล้มละลาย ผลที่ตามมาคือความขัดแย้งในสังคมที่มีการแบ่งชนชั้นเป็นนายทุนและกรรมกร
ในช่วงเวลานั้นได้มีนักคิดทางเศรษฐศาสตร์เสนอแนวคิดในการปรับสภาพทางเศรษฐกิจให้ชนชั้นกรรมกร โดยเสนอแนวทางให้ผู้เดือดร้อนได้ร่วมมือกันเพื่อช่วยเหลือตนเองและแนวคิดนี้เองที่เป็นแนวทางนำไปสู่ระบบสหกรณ์ในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตามผู้ที่นำแนวคิดมาปฏิบัติเป็นรูปธรรมอย่างจริงจังคือ โรเบิร์ต โอเวน ซึ่งภายหลังได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาแห่งการสหกรณ์ของโลก โดยเขาเป็นผู้เสนอให้จัดตั้งชมรม “สหกรณ์” ขึ้น แต่สภาพสังคมของอังกฤษไม่เอื้ออำนวยให้จัดตั้งชมรมสหกรณ์ตามแนวคิดของเขาได้ ต่อมาโอเวนได้เดินทางไปทดลองจัดตั้งชมรมสหกรณ์ขึ้นที่นิวฮาโมนี รัฐอินดีแอนา ประเทศสหรัฐอเมริกา พ.ศ.2368 แต่ภายหลังต้องล้มเลิกเมื่อต้องเผชิญอุปสรรคเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายและปัญหาการต่อต้านเกี่ยวกับสถาบันการเมืองและศาสนา
ในพ.ศ.2370 นายแพทย์
ใน พ.ศ.2393 นายเฮอร์มัน ชูร์ ชาวเยอรมันได้จัดตั้งสหกรณ์หาทุนขึ้นในหมู่ช่างฝีมือและพ่อค้า และในพ.ศ.2405 นายฟรีดริก วิลเฮล์ม ไรพ์ไฟเซน ชาวเยอรมันได้จัดตั้งสหกรณ์หาทุนขึ้นในหมู่เกษตรกรในชนบทเพื่อจัดหาทุนให้สมาชิกกู้ยืม ซึ่งจากพัฒนาการจัดตั้งสหกรณ์ดังที่ได้กล่าวมาแล้วนั้นก็ได้กลายเป็นสหกรณ์ต้นแบบของโลก รวมทั้งสหกรณ์ในประเทศไทยด้วยเช่นกัน
2.2 ความเป็นมาของสหกรณ์ในประเทศไทย
ประเทศไทยเริ่มศึกษาวิธีการสหกรณ์ใน พ.ศ.2457 กระทั่งในปี พ.ศ.2458 ได้มีการจัดตั้งกรมสถิติพยากรณ์เป็นกรมพาณิชย์และสถิติพยากรณ์ พระราชวรวงศ์ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ อธิบดีกรมพาณิชย์และสถิติพยากรณ์ ได้ทรงจัดตั้งสหกรณ์ชนิดไรฟ์ไฟเซนที่เกิดขึ้นในเยอรมนีเพื่อปรับใช้กับไทยก่อน สหกรณ์แห่งแรกจัดตั้งขึ้นที่จังหวัดพิษณุโลก ใช้ชื่อว่า “สหกรณ์วัดจันทร์ไม่จำกัดสินใช้” จดทะเบียนเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2459 มีพระราชวรวงศ์ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ เป็นนายทะเบียนสหกรณ์พระองค์แรก
ใน พ.ศ.2471 ได้มีการประกาศพระราชบัญญัติสหกรณ์ พุทธศักราช 2471 ขึ้น โดยเปิดโอกาสให้มีการรับจดทะเบียนสหกรณ์ประเภทอื่น ๆ ได้ ทำให้มีการจัดตั้งสหกรณ์ได้กว้างขวางมากขึ้น
พ.ศ.2511 ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติสหกรณ์ พุทธศักราช 2511 โดยเปิดโอกาสให้สหกรณ์หาทุนขนาดเล็กที่ดำเนินธุรกิจเพียงอย่างเดียวควบเข้ากันเป็นสหกรณ์ขนาดใหญ่ และสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยได้ถือกำเนินขึ้น เพื่อเป็นสถาบันสำหรับให้การศึกษาแก่สมาชิกสหกรณ์ทั่วประเทศ มีหน้าที่ติดต่อประสานงานกับสถาบันสหกรณ์ต่างประเทศ
[3]ประเทศไทยพัฒนากิจการสหกรณ์มาตลอด ข้อมูลในวันที่ 1 มกราคม 2552 มีจำนวนสหกรณ์ 6,928 สหกรณ์ และจำนวนสมาชิก 10,342,347 คน
2.3 ประเภทของสหกรณ์ในประเทศไทย
ปัจจุบันประเทศไทยแบ่งสหกรณ์ออกเป็น 6 ประเภท ดังนี้
1) สหกรณ์การเกษตร เป็นสหกรณ์ของผู้มีอาชีพเกษตรกร อาทิเช่น ชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ ผู้เลี้ยงสัตว์ เช่น สหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด (ในพระบรมราชูปถัมภ์)
2) สหกรณ์นิคม เป็นสหกรณ์ของผู้ที่ประสงค์จะประกอบอาชีพเกษตรกรรม แต่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเองหรือมีที่ดินทำกินไม่เพียงประกอบอาชีพ โดยรัฐบาลจะจัดสรรที่ดินป่าสงวนที่เสื่อมสภาพแล้วให้ราษฎรถือครองเพื่อประกอบอาชีพ
3) สหกรณ์การประมง เป็นสหกรณ์สำหรับผู้มีอาชีพประมง วัตถุประสงค์ของสหกรณ์คือแก้ปัญหาและอุปสรรคในการประกอบอาชีพ การให้ความรู้ทางวิชาการและส่งเสริมอาชีพประมงทั้งการจำหน่ายสัตว์น้ำ ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำและอุปกรณ์การประมง เช่น สหกรณ์ประมงแม่กลอง จำกัด
4) สหกรณ์ร้านค้า เป็นสหกรณ์ที่ตั้งขึ้นเพื่อจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็นให้กับสมาชิกโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่าย เช่น ร้านสหกรณ์ผู้ปฏิบัติงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำกัด (รส.กฝผ.)
5) สหกรณ์ออมทรัพย์ เป็นสหกรณ์ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมสมาชิกรู้จักการออมทรัพย์และให้ความช่วยเหลือกันด้วยการให้กู้ยืม เมื่อเกิดความจำเป็น เช่น สหกรณ์ออมทรัพย์ครูกรมสามัญศึกษา จำกัด
6) สหกรณ์บริการ เป็นสหกรณ์ของผู้ประกอบอาชีพบริการประเภทเดียวกันมีวัตถุประสงค์ในการแก้ปัญหาในการประกอบอาชีพอย่างเดียวกัน เช่น สหกรณ์แท็กซี่
[1] ณัทธนัท เลี่ยวไพโรจน์.หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานเศรษฐศาสตร์.กรุงเทพ : สำนักพิมพ์บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ(พว.)จำกัด,มปป.
[2] วิโรจน์ มโนพิทักษ์.สื่อสาระการเรียนรู้พื้นฐานฯเศรษฐศาสตร์ม.4-6.พิมพ์ครั้งที่2.กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์,2548.
[3] ข้อมูลจาก กรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ www.cpd.go.th